Skip to content

ผู้ก่อตั้ง เเละเจ้าของแบรนด์ The ICon Group

  • by

ผู้ก่อตั้ง เเละเจ้าของแบรนด์ The iCon Group (ดิไอคอนกรุ๊ป)

อาจารย์พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล
อาจารย์พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล

 

อาจารย์พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล
ผู้ก่อตั้ง เเละ เจ้าของแบรนด์ The iCon Group
เป็นผู้บริหารที่เก่ง มีวิสัยทัศน์เเละทรงพลัง นำทัพในการบริหารงานสร้างอาชีพ เเละสร้างรายได้ให้กับผู้คน เพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ เเละมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

จุดเริ่มต้นอาจารย์พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล
ลูกกรรมกร-เรียนทุนโรงเรียน ได้ทุนอาหารกลางวันจากวัด ดิ้นรนจนจบปริญญาหาเงินเลี้ยงแม่ แต่แล้วชีวิตก็เหมือนตกสู่ขุมนรก เมื่อติดหนี้หลายแสนจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย…แต่แล้วเขาก็กลับมา กอบกู้ตัวเองด้วยธุรกิจออนไลน์ รุ่งเรืองถึงขั้นที่ “วิทวัส สุนทรวิเนตร์” แห่งรายการตีสิบ ยังหยิบเอาเรื่องราวชีวิตของเขามาเปิดเผยต่อผู้ชม
บางที…เรื่องราวนี้ อาจเป็นแสงเล็กๆ อีกหนึ่งแสงที่แทงเข้าไปในโลกมืดมนซึ่งหลายคนกำลังผจญอยู่…
เพราะการต่อสู้ ความหวัง และการไม่ยอมแพ้ คือแก่นแท้ที่ปลุกปั้นมนุษย์ได้คนแล้วคนเล่า…

ออกรายการตีสิบ
ออกรายการตีสิบ


เริ่มจากความยากจน…
 
ต้องบอกก่อนว่าผมเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน แม่เป็นกรรมกรก่อสร้าง ส่วนพ่อก็ทิ้งพวกเราไปตั้งแต่ 3 ขวบ มีชีวิตรอดมาได้ก็เพราะว่าแม่ไปเป็นกรรมกรก่อสร้าง หาเงินมาเลี้ยงดูพวกเรา บางทีก็กินข้าวโรยน้ำตาลหรือไม่ก็น้ำมันหมูคลุกๆ ให้ชีวิตอยู่รอดไป
 
ส่วนตัวผมเรียนที่โรงเรียนวัด ซึ่งแม่ให้ไปเรียนจริง แต่ว่าไม่มีเงินให้เรียน ก็เลยต้องไปขอทุนที่โรงเรียน แล้วก็ทุนอาหารกลางวันจากวัด หลังจากนั้นผมก็มาเข้าโรงเรียนชายล้วน เป็นโรงเรียนพลทหารก็ขอทุนอาหารกลางวันเขากินเหมือนเดิม จนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมก็เอนทรานซ์แข่งกับเขานี่แหละ แต่สอบไม่ติดก็เลยต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย แม่ไม่มีแรงที่จะหาเงินได้แล้ว เพราะแม่แก่แล้ว เราก็เลยต้องไปทำงานเสิร์ฟ หาเงินมาเลี้ยงแม่ แล้วก็ส่งตัวเองเรียนด้วย
 
ผมทำอย่างนั้น 4 ปีจนเรียนจบ และทำงานประจำครั้งแรกในชีวิต คือเราไม่อยากเสิร์ฟเบียร์แล้ว เรารู้สึกว่าไม่มั่นคง เราอยากมีชีวิตที่มั่นคงมากขึ้น ตอนนั้นไปทำงานประจำครั้งแรกได้เงินเดือน 6,000 บาท ต้องบอกว่ามันไม่พอจริงๆ เพราะเราอยู่ในกรุงเทพฯ ด้วย พอไม่พอ เราก็ไปขอเขาทำโอทีเพิ่ม ซึ่งเขาก็เมตตา เลยทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นมารวมๆ แล้วได้หนึ่งหมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งก็ยังไม่พออยู่ดี แต่เราไม่รู้จะทำยังไง ขณะที่ไม่มีความคิดอยากจะเปลี่ยนงานหรือย้าย เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราต้องสู้ ซึ่งการย้ายหรือว่าการเปลี่ยนงานผมมองว่ามันเป็นการหนีมากกว่าที่จะสู้ เราอยากได้รายได้เพิ่ม ก็เลยหาอะไรทำเพิ่ม ปรากฏว่าก็ไปเสิร์ฟเบียร์เหมือนเดิม ชีวิตผมจะวนๆ แบบนี้เลยคือ ทำงานประจำ ทำโอทีแล้วก็เสิร์ฟเบียร์ ได้นอนวันหนึ่งแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้นเองครับ (ยิ้ม)
 
เอาจริงๆ จะบอกว่าผมทำงานประจำตั้งแต่ตอนที่ผมยังเรียนไม่จบเลยด้วยซ้ำ ไปเป็นพนักงานรับโทรศัพท์บ้าง ก็เสิร์ฟเบียร์บ้าง ทำมาจนถึงอายุ 25 ปี ก็รู้สึกว่าชีวิตเรา โอ้โห! เหนื่อยมายาวนานมาก แต่ทำไม ทั้งๆ ที่เราขยันขนาดนี้ แทนที่เราจะรวย เราจะประสบความสำเร็จ กลายเป็นว่าสิ่งที่เราขยันไป กลับได้รับผลตอบแทนคือเป็นหนี้บัตรเครดิตหลายแสนบาทเลย ตอนนั้นเครียด ทะเลาะกับแม่ ทะเลาะกับแฟน สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยตัดสินใจฆ่าตัวตาย

ถ้าอยากรวย เราก็ต้องกล้าที่จะคบกับคนรวย
ถ้าอยากรวย เราก็ต้องกล้าที่จะคบกับคนรวย

เคยคิดอยากฆ่าตัวตาย ? …
 
ใช่ครับ ตอนนั้นตัดสินใจว่าจะไม่อยู่แล้ว เราก็เลยขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น 6 ของหอที่เช่าอยู่ ปรากฏว่าวินาทีที่จะกระโดด ผมรู้เลยว่าคนเรารักตัวกลัวตายกันทุกคน คือขนาดว่าไม่อยากอยู่แล้วนะยังกลัว ขึ้นไปผมขาสั่นเลยนะ (หัวเราะ) พอเกิดความกลัว มันก็ทำให้เรามีสติขึ้นมานิดหนึ่ง ตอนนั้นคิดถึงหน้าแม่ เพราะถ้าเราตายไปจริงๆ นะ แม่ไม่มีเรา แม่ก็ทำมาหากินไม่ได้ เพราะเขาอายุเยอะแล้ว ถ้าเราไม่อยู่ ทุกอย่างมันก็จบหมด ก็เลยตัดสินใจฮึด ไม่เอา อดทนสู้ต่อดีกว่า เลยถอยหลังมา แต่ก็ไม่ไว้ใจตัวเอง กลัวคิดสั้นอีก ก็เลยรีบวิ่งลงบันไดหนีไฟไปเลย วิ่งมาอยู่ข้างล่าง ตั้งสติใหม่ เริ่มคิดย้อนไปถึงอดีต ยอมรับว่ามันสับสนว่าจะทำยังไงกับชีวิตดี

พอตั้งสติได้ ผมเลยคิดว่าถ้าอยากเปลี่ยนชีวิต ซึ่งเราก็เคยได้ยินคำพูดจากในหนังสือที่เขาบอกว่าคบคนแบบไหน ก็เป็นคนแบบนั้น ถามว่าจริงไหม พอเรานึกย้อนกลับไป เออ มันก็จริง อย่างตอนเด็กที่ผมอาศัยอยู่กับแม่ในห้องเช่าในสลัม ผมก็มีเพื่อนที่ชอบสูบบุหรี่ เพื่อนชอบดมกาว ตัวเราก็ไม่ได้อยากดมกาว ไม่ได้อยากสูบบุหรี่หรอก แต่เชื่อไหมครับว่าพออยู่ด้วยกันบ่อยๆ สุดท้ายเราก็ลอง ผมก็นั่งเหวอ เมากาวไปกับเขาด้วย เราก็รู้สึกว่า เฮ้ย! อะไรวะเนี่ย นี่ขนาดว่าเราไม่อยากจะทำเลยนะ แต่เห็นทุกวัน เราก็ดันทำตาม เราก็เลยได้รู้ว่าคบคนแบบไหนมันเป็นแบบนั้นจริงๆ นะ (ยิ้ม)

แล้วถ้าเราอยากรวย อยากประสบความสำเร็จในชีวิต ผมก็มองว่าถ้าเราอยู่ในสังคมแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีทางรวยแน่ๆ ก็เลยคิดว่าถ้าอยากรวย เราก็ต้องกล้าที่จะคบกับคนรวย แต่มองไปรอบๆ ตัวผมก็ยังไม่เห็นว่าใครจะรวยเลย ก็จนเหมือนผมนี่แหละ (หัวเราะ) ก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมก็เลยไปหาหนังสือที่คนรวยๆ เขาเขียนมาอ่าน พออ่านเสร็จก็สรุปกับตัวเองได้อย่างหนึ่งว่าถ้าเราอยากรวย อยากประสบความสำเร็จในชีวิตต้องมีธุรกิจ หรือว่าจะต้องมีกิจการอะไรบางอย่างเป็นของตัวเอง

จากนั้นเป็นต้นมา ผมเลยคิดกับตัวเองว่าเราจะต้องมีธุรกิจ มีกิจการเป็นของตนเองให้ได้ ไม่งั้นคงลืมตาอ้าปากไม่ได้แล้วชาตินี้ ผมมองหาธุรกิจเยอะมากเลยในตอนนั้นว่าจะทำอะไรดี มองแม้กระทั่งว่าอะไรที่มันจะทำแล้วได้เงินเยอะๆ มากกว่างานประจำที่เราทำ ดูตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนนั่งกินก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอย เวลาที่สั่งก๋วยเตี๋ยวจริงๆ เราสั่งที่โต๊ะก็ได้ เดี๋ยวก็มีคนมารับออเดอร์ แต่เราอยากเห็น ก็เดินไปสั่งตรงที่เขาลวกก๋วยเตี๋ยวเลยเพราะเราจะแอบดูเงินในกระป๋องเขา ก็เห็นนะว่าเขาได้เงินเยอะ เงินเต็มกระป๋องเลย ตอนนั้นเราเลยคิดว่าหรือจะขายก๋วยเตี๋ยวดี ไปดูแฟรนไชส์ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ราคาอยู่ที่สี่หมื่นกว่าบาท แต่ว่ายังไม่ได้ขายนะ เพราะจะต้องมีรถเข็น หมูแดง เส้น เก้าอี้ พร้อมขายรวมๆ แล้วก็หลายแสน โห!! แล้วเราจะเอาปัญญามาจากไหน เพราะเราก็หาเช้ากินค่ำ เหลือเก็บก็แทบไม่มี สรุปเราก็ต้องกลับไปเก็บเงิน ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงิน เพราะมันไม่มีอะไรในโลกที่เราได้มาฟรี

วันนั้นจำได้ว่าอาจารย์พันธุ์ทตต์ สิรภพธาดา เขาสอนเรื่องคอมพิวเตอร์ มาบอกเราว่าครูเปิดสอนเรื่องออนไลน์อยู่นะ ลองไปเรียนดู ผมก็ลองไปนะครับ แล้วผมถือว่าผมได้เรียนฟรี อะไรที่ผมจะตอบแทนครูได้ก็จะทำ แล้วผมก็ไปเป็นเหมือนหน้าม้าในห้อง คอยปรบมือ คอยกรี๊ดให้ครู ซึ่งครูเขาก็ชอบใจ เพราะบรรยากาศในห้องมันดี สนุก จากวันนั้น ครูเลยบอกว่ามีครูสอนเรื่องออนไลน์หลายคอร์ส เลยลองไปเรียนดู ครูให้เราเรียนฟรีเพราะชอบ

พอเรียนจนครบทุกคอร์ส มันก็ได้ผลึกทางความคิดอยู่ข้อหนึ่งว่า จริงๆ แล้วเราไม่ต้องมีทุนมากมาย เพียงแค่เรารู้เรื่องออนไลน์ซึ่งมันมาตอบโจทย์เรื่องการไม่ต้องใช้ทุนในการประกอบธุรกิจเยอะๆ ได้ เพราะว่าหน้าร้านคือ “ตัวตนเสมือน” ที่มันอยู่บนโลกออนไลน์ มันไม่ต้องมานั่งลงทุนกับหน้าร้านจริงๆ เงินจริงๆ ไม่ต้องทำแบบนั้น เราก็เลยมองว่าเดี๋ยวเราทำออนไลน์ดูดีกว่า ตั้งแต่วันนั้นผมก็เลยเริ่มฝึกเขียนเว็บ ฝึกทำโปรแกรมโฟโต้ชอป ฝึกโปรแกรมต่างๆ ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าจะขายอะไร ทำเว็บไซต์ขึ้นมาไว้ก่อน พอทำเสร็จสมบูรณ์ มีตะกร้าสินค้ามีระบบการขายเรียบร้อย ผมก็คุยกับแฟนว่าเราจะเอากระเบื้องที่บ้านแฟนมาขาย เพราะบ้านแฟนเป็นโรงงานกระเบื้องอยู่แล้ว เอากระเบื้องมาถ่ายรูปขายลงในเว็บ
 

Facebook Comments